ม.เชียงใหม่ จัด “เหลียวหลัง-แลหน้า งานวิจัยมุ่งเป้า การพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการดูแลภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างครบวงจร จาก ล่างสู่บน”
Author by Jareephorn Jansawa 23/12/20No Comments »

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ณ ห้องเชียงใหม่ ชั้น 2 ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “เหลียวหลัง-แลหน้า งานวิจัยมุ่งเป้า การพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการดูแลภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างครบวงจร จาก ล่างสู่บน” โดยมีศาสตราจารย์คลินิค นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวต้อนรับ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ประธานแผนงานบริหารแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม : แผนงานระบบบริการสุขภาพ ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยความเป็นมาของการจัดงานประชุมวิชาการฯ ในครั้งนี้ว่า
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยแบบ Block Grant ต่อเนื่อง 3 ปี (ปลายปีพ.ศ.2562-2565) ภายใต้โครงการวิจัยแบบบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมายด้านสังคม

จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มาขับเคลื่อนให้เกิดงานวิจัยที่มีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
ที่ยังเป็นจุดอ่อนสำคัญของประเทศ และมีความเหลื่อมล้ำของประชาชนในการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งจากการปรึกษาหารือกับผู้เกี่ยวข้องในระบบการจัดบริการสุขภาพในพื้นที่ จึงได้มุ่งเป้าไปที่
“การวิจัยพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการดูแลภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างครบวงจร” ทั้งภาวะฉุกเฉินที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ และจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะกลุ่มโรคเรื้อรัง ซึ่งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ

เนื่องจากปัจจุบันระบบฯ ดังกล่าว ยังมีช่องว่างของตัวระบบบริการสุขภาพที่ต้องการการวิจัยพัฒนาในหลายประเด็น ทั้งการสร้างความตระหนักรู้ของประชาชน การป้องกันเหตุล่วงหน้า การเฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินวิกฤต การเข้าถึงบริการเมื่อเกิดเหตุ การดูแลรักษาในระยะเจ็บป่วยฉุกเฉิน รวมไปถึงการดูแลต่อเนื่องหลังพ้นระยะฉุกเฉินวิกฤตทั้งในระหว่างสถานบริการสาธารณสุขระดับต่าง ๆ ไปจนถึงที่บ้านของ ผู้เจ็บป่วยและชุมชน

โดยหวังว่า ผลของโครงการวิจัยพัฒนาระบบบริการการดูแลภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เชื่อมต่อแบบครบวงจรนี้ จะเป็นประโยชน์สำคัญในการช่วยลดช่องว่างของระบบบริการที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทุกระดับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความสูญเสียจากความพิการ การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในที่สุดในช่วงปีแรกของการดำเนินงาน
